เลนส์ชั้นเดียว
(Single Vision Lens)
เป็นเลนส์ที่มีค่าสายตาเพียงค่าเดียวบนเลนส์ทั้งชิ้น การออกแบบเลนส์มีการออกแบบ เป็น 2 ลักษณะใหญ่ๆดังนี้
1. ออกแบบโดยใช้ค่าตัวแปรของกรอบแว่นตา (Individual Parameter)
PD - Pupil Distance ระยะห่างรูม่านตาทั้งสองข้าง
CVD – Cornea Vertex Distance ระยะห่างระหว่างแว่นตาถึงกระจกตา
FFA - Face Form Angle ความโค้งหน้าแว่น
PT - Pantoscopic Tilt มุมเทหน้าแว่น
2. ออกแบบโดยไม่ได้พิจารณาค่าตัวแปรของกรอบแว่นตา
ดังนั้นเลนส์ชนิดนี้จะมีระยะเวลาในการประกอบแว่นตาเร็วกว่าเลนส์ชนิดอื่นๆ แต่จะมีข้อจำกัด
หากลักษณะแว่นตา มีความโค้ง หรือมุมเทมีค่ามากกว่าปกติ อาจทำให้ผู้สวมใส่แว่นตารู้สึกไม่สบายตาเวลาสวมใส่
หรืออาจปรับตัวได้ยากกว่าปกติ
เลนส์เฉพาะทางกลาง-ใกล้
(Near Vision Lens)
เป็นเลนส์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้งานของกลุ่มอาชีพต่างๆ ที่เน้นการทำงานระยะกลางจนถึงใกล้ โดยเลนส์จะมีค่ากำลังเป็นค่าถดถอย โดยเป็นการลดกำลังเลนส์จากมากไปหาน้อย (Degression) เลนส์เฉพาะทางกลาง-ใกล้มีตัวแปรในการออกแบบเพื่อให้ตอบสนองความต้องการการใช้งานในลักษณะที่แตกต่างกัน ตัวแปรที่ใช้ในการออกแบบมีดังนี้
1. ค่าตัวแปรของกรอบแว่นตา (Individual Parameter)
PD - Pupil Distance ระยะห่างรูม่านตาทั้งสองข้าง
CVD - Cornea Vertex Distance ระยะห่างระหว่างแว่นตาถึงกระจกตา
FFA - Face Form Angle ความโค้งหน้าแว่น
PT - Pantoscopic Tilt มุมเทหน้าแว่น
2. การออกแบบตามความกว้างของมุมมองในแต่ละระยะ และการลดกำลังเลนส์ (Degression)ซึ่งจำแนกออกเป็นกลุ่มดังนี้
2.1 Book สำหรับลักษณะการใช้งานในระยะใกล้เป็นหลัก เช่น การอ่านหนังสือ การดูมือถือ
2.2 PC สำหรับลักษณะการใช้งานในระยะกลางเป็นหลัก เช่น การทำงานบนจอคอมพิวเตอร์
2.3 Room สำหรับลักษณะการใช้งานในระยะ 2.50 เมตร เช่น การดูทีวี การทำกิจกรรมในบ้าน
หมายเหตุ ค่า Degression จะเป็นตัวกำหนดว่าเมื่อเรามองตรงหน้าเราจะเห็นชัดที่ระยะกี่เซนติเมตร ดังนั้นเมื่อกำลังเลนส์ในการอ่านหนังสือของแต่ละคนไม่เท่ากัน ระยะชัดตรงหน้าที่ต้องการไม่เท่ากัน ค่า Degression จึงจำเป็นต้องแปรผันได้เพื่อให้สามารถออกแบบเลนส์ได้ตรงตามความต้องการของแต่ละบุคคล
เลนส์โปรเกรสซีฟเต็มระยะ
(Progressive Lens)
เป็นเลนส์ที่ออกแบบมาเพื่อให้สามารถมองเห็นได้ชัดทุกระยะ ตั้งแต่ไกลจนถึงใกล้ โดยการเพิ่มกำลังของเลนส์ทีละน้อย จากบนลงล่าง (Progression) เลนส์โปรเกรสซีฟเต็มระยะ มีตัวแปรในการออกแบบเพื่อให้ตอบสนองความต้องการการใช้งานในลักษณะที่แตกต่างกัน ตัวแปรที่ใช้ในการออกแบบมีดังนี้
1. ออกแบบโดยใช้ค่าตัวแปรของกรอบแว่นตา (Individual Parameter)
PD - Pupil Distance ระยะห่างรูม่านตาทั้งสองข้าง
CVD – Cornea Vertex Distance ระยะห่างระหว่างแว่นตาถึงกระจกตา
FFA - Face Form Angle ความโค้งหน้าแว่น
PT - Pantoscopic Tilt มุมเทหน้าแว่น
2. การออกแบบตามกิจกรรมหลักของผู้สวมใส่เลนส์โปรเกรสซีฟเต็มระยะ ซึ่งจำแนกออกเป็นกลุ่มดังนี้
2.1 ออกแบบเพื่อผู้ใช้งานในกิจกรรมกลางแจ้ง เน้นการมองในระยะไกลและกลางเป็นหลัก ลดความบิดเบือนของภาพเป็นพิเศษ เราเรียกการออกแบบในลักษณะนี้ว่า Active Lens
2.2 ออกแบบเพื่อผู้ใช้งานในสำนักงาน เน้นการอ่านหนังสือหรือใช้คอมพิวเตอร์ ในการทำงาน เลนส์กลุ่มนี้จะให้ความสำคัญของระยะกลางและใกล้เป็นหลัก เราเรียกการออกแบบในลักษณะนี้ว่า Expert Lens
2.3 ออกแบบเพื่อใช้งานทั่วไปในชีวิตประจำวัน โดยไม่เน้นระยะใดเป็นพิเศษ เน้นความต่อเนื่องในการมองเห็นทุกระยะ เราเรียกการออกแบบในลักษณะนี้ว่า Allround Lens
2.4 ออกแบบเฉพาะ สำหรับบุคคลโดยปรับแต่งโครงสร้างให้เข้ากับความต้องการในการใช้งานของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง เราเรียกการออกแบบในลักษณะนี้ว่า Individual Freedesign Lens ซึ่งจะมีการกำหนดค่า Far และ Near desing point